บล็อกนี้จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการเรียนการสอนวิชาอินเทอร์เน็ตในชีวิตประจำวัน

วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ประชาธิปไตยแบบพอเพียง



ประชาธิปไตยพอเพียงก็คืออำนาจที่มาจากการเลือกตั้งควรมีจำกัด ระบบการเมืองไม่ควรอิงกับอำนาจจากการเลือกตั้งเพียงลำพัง อำนาจที่มาจากการเลือกตั้งควรถูกจำกัดโดยอำนาจศาลและอำนาจระบบราชการ ซึ่งแน่นอนว่าทั้งสองอำนาจนี้เชื่อมโยงกับอำนาจของกษัตริย์ เศรษฐกิจ พอเพียงบอกว่าคุณไม่ควรไปข้องเกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจภายนอกมากนัก ส่วนประชาธิปไตยพอเพียงบอกว่าคุณควรจำกัดการข้องเกี่ยวกับระบบการเมือง คุณไปออกเสียงเลือกตั้งได้ แต่คนที่คุณเลือกจะถูกกระหนาบโดยศาล โดยวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งครึ่งหนึ่ง โดยอำนาจต่างๆ ของราชการ ผู้พิพากษา และองคมนตรี ทั้งเศรษฐกิจพอเพียงและประชาธิปไตยพอเพียงมีหลักการเดียวกันคือจำกัดประชาชน ให้เกี่ยวข้องเฉพาะเรื่องท้องถิ่นของตัวเองเท่านั้น 
 สิ่งสำคัญคือการท้าทายวาทกรรมการซื้อเสียงที่ครอบงำอยู่ เวลาคนพูดถึงการเมืองในชนบทของไทย มีแนวโน้มที่จะพูดเรื่องการซื้อสิทธิ์ขายเสียง แต่ผมพยายามเสนอแนวคิดเรื่องรัฐธรรมนูญชาวบ้านด้วยการบอกว่าชาวบ้านไม่ใช่ เอาแต่ขายเสียง พวกเขาตัดสินใจบนฐานคุณค่าทางการเมืองอีกชุดหนึ่ง สิ่ง สำคัญที่สุดที่ผมต้องการบอกคือว่า เราจำเป็นต้องทำ ความเข้าใจว่าคุณค่าทางการเมืองของชาวบ้านคืออะไร ไม่ใช่แค่ปัดไปง่ายๆ ว่าชาวบ้านขายเสียง
รายงานจากหมู่บ้านที่ผมทำวิจัยอยู่บอกว่าชาวบ้านแค่ไม่เชื่อถือพรรคประชาธิปัตย์ ประชาธิปัตย์ไม่มีเครดิตว่าจะทำตามที่หาเสียงไว้จริงๆ ชาวบ้านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีศรัทธาหรือความไว้วางใจต่อประชาธิปัตย์ มันมีความรู้สึกว่า แม้นโยบายบนกระดาษจะดูไม่แตกต่างกันมาก แต่คนมีความเชื่อมั่นในพลังประชาชนหรือไทยรักไทย


ที่มา http://thaienews.blogspot.com/2008/08/blog-post_1701.html

วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2554

แนวโน้มผลการเลือกตั้งภาคอีสาน 2554

       ในการออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่จะออกไปใช้สิทธิ เลือกตั้งถึงร้อยละ    93.5 รองลงมาไม่แน่ใจว่าจะใช้ใช้สิทธิเลือกตั้งหรือไม่ร้อยละ 3.5 ส่วนผู้ที่จะไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวน 233 คน คิดเป็นร้อยละ 1.5
       ในส่วนของภาพรวมคะแนนเสียงแบบบัญชีรายชื่อแยกตามพรรค ปรากฏว่า พรรคเพื่อไทย มีคะแนนนำ ถึงร้อยละ 64.3 รองลงมาคือ พรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 12.7 พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 8.1 โหวตโน ร้อยละ 4.9
       พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ร้อยละ 3.2 พรรคชาติไทยพัฒนา ร้อยละ 1.4 พรรครักประเทศไทย ร้อยละ 1.3 พรรคความหวังใหม่ ร้อยละ 0.6 พรรครักษ์สันติ ร้อยละ 0.6 พรรคกิจสังคมร้อยละ 0.5 พรรคมาตุภูมิร้อยละ 0.4 พรรคการเมืองใหม่ ร้อยละ 0.3 พรรคพลังคนกีฬา ร้อยละ 0.2 และพรรคอื่น ๆ ร้อยละ 0.1
       ซึ่งภาพรวมจำนวน ส.ส.แบบแบ่งเขตในภาคอีสาน 20 จังหวัด 126 เขต ปรากฏว่า พรรคเพื่อไทย จะได้จำนวนที่นั่ง ส.ส. 107 ที่นั่ง บวกลบไม่เกิน 2 ที่นั่ง ส่วนภูมิใจไทย ได้ที่นั่ง ส.ส. 10 ที่นั่งบวกลบไม่เกิน 1 ที่นั่ง พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ได้ที่นั่ง ส.ส. 5 ที่นั่ง บวกลบไม่เกิน 1 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์ ได้ที่นั่ง ส.ส. 3 ที่นั่ง และพรรคชาติไทยพัฒนา ได้จำนวนที่นั่ง ส.ส.จำนวน 1 ที่นั่ง
     
       โดยในจำนวนนี้พรรคเพื่อไทยที่จะสามารถชนะยกเขตมี 11 จังหวัดได้แก่ จ.บึงกาฬ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย ศรีสะเกษ หนองคาย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ และอุดรธานี

http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9540000077233

ข้อควรรู้ในการเลือกตั้ง 2554

คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง
- สัญชาติไทย หรือผู้มีสัญชาติไทยโดยได้แปลงสัญชาติมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี
- อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ ในวันที่ 1 มกราคม ของปีที่มีการเลือกตั้ง
- มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วัน นับถึงวันเลือกตั้ง

การเตรียมตัวการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
- ตรวจสอบรายชื่อจากบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 20 วันก่อนวันเลือกตั้ง ที่ศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ ที่ทำการเขต ที่ทำการ อบต. สำนักงานเทศบาล ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน หรือเขตชุมชน
- ตรวจสอบรายชื่อจากบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 15 วันก่อนวันเลือกตั้ง จากหนังสือแจ้งเจ้าบ้าน (ส.ส.12)
ทั้งนี้ ในกรณีที่ไม่พบชื่อของตนเองในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ให้แจ้งทะเบียนนายอำเภอ หรือนายทะเบียนท้องถิ่น โดยนำหลักฐานสำเนาทะเบียนบ้าน และบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรประจำตัวอื่นใดที่ทางราชการออกให้มาแสดงด้วย

หลักฐานที่ใช้ในการเลือกตั้ง
- บัตรประชาชน (บัตรที่หมดอายุก็ใช้ได้)
- บัตรหรือหลักฐานที่ราชการหรือหน่วยงานของรัฐออกให้มีรูปถ่ายและหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน  เช่นบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ  ใบขับขี่   หนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต)

ฉันสบายใจ ถ้าเธอสบายดี

คนอีสานมองการเมืองอีสาน


คนอีสานมองว่าส.ส.โดยปกติจะเป็นผู้ที่มีฐานะสูงกว่าทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม ไปคลุกคลี คุ้นเคยในพื้นที่ บางคนก็ให้ความช่วยเหลือแทบทุกเรื่อง ตั้งแต่เกิดจนตาย